MRI คืออะไร
หากกล่าวถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย สามารถตรวจวินิจฉัยให้ความถูกต้องและความแม่นยำสูง หลายคนคงจะเคยได้ยินกันบ่อยๆว่าให้ทำ MRI แต่อีกหลายคนก็คงไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว MRI คืออะไร ทำงานอย่างไร และสามารถตรวจอะไรได้บ้าง
MRI (Magnetic Resonance Imaging) หรือ เครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า คือ การตรวจอวัยวะต่างๆโดยส่งคลื่นวิทยุเข้าไปกระตุ้นอวัยวะ เมื่อหยุดกระตุ้นอวัยวะจะคายพลังงานมาที่อุปกรณ์รับสัญญาณแปลงเป็นภาพออกมาทางจอภาพ
ปัจจุบันโรงพยาบาลต่างได้มีการใช้อย่างแพร่หลายเพราะสามารถวินิจฉัยได้ทั้งความผิดปกติ ของอวัยวะและการทำงานของอวัยวะ อีกทั้งเป็นการตรวจที่ปลอดภัยและให้ความแม่นยำสูง ในการตรวจแต่ละครั้งจะใช้เวลาอย่างน้อย 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง
ระบบอวัยวะที่สามารถตรวจได้
- ระบบสมอง
- ระบบไขสันหลัง
- ระบบกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ
- ระบบช่องปอด และช่องท้อง
- ระบบหัวใจ
- ระบบหลอดเลือดดำและแดง
โดยเฉพาะในส่วนของระบบสมองและกระดูกสันหลัง สามารถทำได้ดีกว่าการตรวจด้วยเครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (Computer Tomography/ CT Scan)
เตรียมพร้อมก่อนเข้ารับการตรวจ
- ทำใจให้สบาย ไม่ต้องกลัว เพราะไม่มีการเจ็บปวดจากการตรวจใดๆ
- เมื่อเครื่องทำงานอาจจะมีเสียงดัง ไม่ต้องตกใจ
- หากต้องการความช่วยเหลือสามารถพูดผ่านไมโครโฟนที่อยู่ภายในเครื่องได้
- ในการตรวจแต่ละชุดต้องนอนให้นิ่งที่สุด มิเช่นนั้นภาพที่ได้อาจไม่ชัดเจน อาจทำให้การวินิจฉัยไม่ชัดเจน หรือต้องถ่ายใหม่
- สามารถให้ญาติเข้าไปนั่งเป็นเพื่อนได้ไม่มีอันตรายอะไร
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า เพราะเครื่องสำอางบางชนิดมีส่วนผสมของโลหะอาจทำให้ภาพบิดเบี้ยวได้
- จะใส่ปลอกแขน หรือถุงเท้าก็ได้ เนื่องจากในห้องตรวจจะหนาวมากและใช้เวลานานในการตรวจ
ผู้ที่ห้ามตรวจ MRI
- ผู้ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ (pacemaker)
- ผู้ที่เคยได้รับการผ่าตัดใส่ clips หรือโลหะต่างๆ
- ผู้ที่มีสิ่งแปลกปลอมที่เป็นโลหะอยู่ในร่างกาย เช่น เคยถูกยิงและมีกระสุนตกค้างอยู่ในร่างกาย
สิ่งที่ไม่ควรนำติดตัวเข้าไปตรวจ
- เครื่องประดับต่างๆ เช่น นาฬิกา สร้อย ต่างหู กิ๊บ เข็มกลัด
- เครื่องช่วยหูฟัง ฟันปลอม
- บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม บัตรที่มีแถบแม่เหล็กทั้งหมด
- สิ่งของที่เป็นโลหะ เช่น กุญแจ คลิป ปากกา
- โทรศัพท์มือถือ วิทยุติดตามตัว
ก่อนทำการตรวจ MRI จะมีการฉีดสารแกโดลิเนียม(Gadolinium) เพิ่มความแตกต่างของเนื้อเยื่อ(ฉีดสี) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและรายละเอียดของภาพให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสารนี้(คนละชนิดกับสารทึบรังสีในการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์) จะถูกขับออกทางปัสสาวะเกือบหมดภายใน 24 ชั่วโมง และมีอาการข้างเคียงหลังฉีดสารที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ คลื่นไส้อาเจียน ผื่นแดง และคันตามร่างกาย
ในกรณีที่มีนัดตรวจเลือด และทำ MRI ในวันเดียวกัน ให้ผู้ป่วยไปเจาะเลือดตรวจก่อน เพราะหากทำ MRI แล้วจะต้องมีการฉีดสี ซึ่งทำให้ไม่สามารถไปเจาะเลือดตรวจได้ค่ะ