โรคเหงือกอักเสบ  เหงือกบวม  สัญญาณเตือนของโรคปริทันต์

 

 ภายในช่องปากของคนเรานั้น นอกจากจะ มีฟันและอวัยวะรอบๆตัวฟันที่เราสามารถมองเห็นได้แล้ว ยังมีจุลินทรีย์ที่มองไม่เห็นอยู่มากมายที่ติดอยู่กับสารที่เป็นเมือกเหนียวที่ผิวฟัน รวมเรียกว่า คราบจุลินทรีย์ (Dental Plaque) ซึ่งเป็นกลุ่มเชื้อโรคที่เจริญเติบโตเบียดเสียดกันอยู่  จนมองเห็นเป็นกลุ่มก้อนสีขาวเหลือง ที่เราเรียกว่า “ขี้ฟัน”  และหากนำขี้ฟันไปส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ก็จะเห็นเชื้อโรคมากมายเคลื่อนไหวไปมาซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคในช่องปากเช่น โรคฟันผุ เหงือกอักเสบ และโรคปริทันต์อักเสบ

Credit photo : worlddental.ca

Credit photo : worlddental.ca

 

โรคเหงือกอักเสบ คือ  สภาวะการตอบสนองของเนื้อเยื่อและเหงือก  ต่อเชื้อโรคต่างๆที่สะสมรอบๆตัวฟัน  โดยเกือบทุกคนจะมีเหงือกอักเสบมากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป

ลักษณะของเหงือกอักเสบ  จะมองเห็นเหงือกบวม แดง เป็นมัน ดูฉุๆ หากถูกขนแปรงตอนแปรงฟัน หรือลองใช้ไม้จิ้มฟันสอดเข้าไปในร่องเหงือก อาจจะมีเลือดซึมออกมาได้ เมื่อมีเหงือกอักเสบก็มักจะถูกละเลยในการทำความสะอาด ซึ่งถ้านานๆเข้าก็จะเกิดหินปูน หรือหินน้ำลายร่วมด้วย โดยจะมองเห็นเป็นแถบสีขาวออกเหลือง แข็ง แปรงไม่ออก ทำให้เป็นที่สะสมของเชื้อโรค มักจะเริ่มเป็นบริเวณซอกฟันก่อน

 

โรคปริทันต์อักเสบ (รำมะนาด)คือ การที่เหงือกอักเสบลงไปสู่รากฟัน  และปล่อยสารพิษทำลายอวัยวะปริทันต์ (กระดูกเบ้าฟัน , เอ็นยึดปริทันต์) ทำให้เนื้อเยื่อที่อยู่รอบๆรากฟัน เกิดการอักเสบ มีหนอง มีฝี เป็นระยะๆ สลับกับระยะฟักตัว  ซึ่งแต่ละคนก็จะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคแตกต่างกันไป

โรคปริทันต์แบ่งได้เป็น 4 ระยะ คือ

ระยะที่ 1  เหงือกอักเสบ มีลักษณะบวม แดง เป็นมัน ดูฉุๆ มักพบมีเลือดออกบริเวณคอฟัน

ระยะที่ 2   ระยะเริ่มต้น  เพราะการลุกลามของเหงือกอักเสบจากปัจจัยความเสี่ยงต่างๆ ทำลายกระดูกรองรับรากฟันไม่เกิน 1 ใน 3 ซี่ฟัน

ระยะที่ 3  ระยะกลาง  ทำลายกระดูกรองรับรากฟัน จาก 2 ใน 3 ของซี่ฟันแต่ยังไม่ถึงปลายราก

ระยะที่ 4  ระยะปลาย  ทำลายกระดูกรองรับรากฟัน  เกือบหมดทั้งซี่ฟัน ทำให้เกิดฝีปลายราก มีอาการปวดร่วมด้วย อาจต้องถอนฟัน หรือมีการรักษาที่ยุ่งยากขึ้น

ความเสี่ยงที่ทำให้โรคปริทันต์ลุกลามรวดเร็ว

  • ทานอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลมาก จุลินทรีย์ชอบสารอาหารเหล่านี้
  • ช่องปากไม่สะอาด
  • สูบบุหรี่
  • ร่างกายขาดวิตามินซี บี และดีที่มีผลต่อความต้านทานของเหงือก
  • คนที่ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง เช่น หญิงมีครรภ์ สตรีวัยหมดประจำเดือน เด็กเข้าสู่วัยหนุ่มสาว
  • ผู้สูงอายุ
  • ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
  • ผู้ที่เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง / มะเร็งเม็ดโลหิตขาว

อาการของโรคปริทันต์

  • มีกลิ่นปาก
  • อาจมีเลือด หรือหนองออกมาจากร่องเหงือก
  • มีตุ่มหนอง / ฝี
  • มีการยื่นยาวขึ้นของฟัน
  • เมื่อกระแทก เคี้ยวจะเจ็บ
  • มองเห็นหินปูนเป็นสีน้ำตาลดำเกาะบริเวณคอฟัน และรากฟันได้

การรักษาโรคเหงือกอักเสบ และโรคปริทันต์อักเสบ จะเป็นการขจัดคราบหินน้ำลาย และจุลินทรีย์ที่เกาะอยู่บริเวณต่างๆ

ขูดหินปูน หรือขูดหินน้ำลาย   เพื่อขจัดคราบที่เกาะอยู่บนตัวฟัน และขอบเหงือกออกไป

เกลารากฟัน   เพื่อขจัดคราบที่เกาะลึกลงไปในผิวรากฟัน

ผ่าตัด            เพื่อขจัดคราบที่เกลารากฟันรักษาไม่ได้ผล จึงต้องมีการผ่าตัดร่วมด้วย

ถอนฟัน         เมื่อมีการลุกลามของเนื้อเยื่อปริทันต์ไปมาก จนไม่สามารถรักษาฟันซี่นั้นไว้ได้

 

Credit photo : idealdentalcare.in

Credit photo : idealdentalcare.in

 

การป้องกันไม่ให้เกิดโรคเหงือกอักเสบ และโรคปริทันต์

  • ดูแลรักษาความสะอาดช่องปากให้สะอาดอย่างทั่วถึง และสม่ำเสมอ
  • ดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง เพื่อไม่ให้เป็นโรคที่จะมีผลกระทบต่ออวัยวะ
  • ลดอาหารจำพวกแป้ง และน้ำตาล
  • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่มีผลเสียกับอวัยวะปริทันต์ เช่น การสูบบุหรี่

 

การดูแลสุขภาพในช่องปากถือเป็นเรื่องที่สำคัญของคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะวัยสูงอายุ เพราะผู้สูงอายุการทำงานของระบบต่างๆในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงในทางเสื่อมถอยลงจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมและพันธุกรรมช่องปาก  ฉะนั้นการรู้ทัน และดูแลป้องกันก่อนที่จะเกิดโรคจึงถือเป็นสิ่งที่ดีสุดที่เราควรจะทำถ้าไม่อยากจะเป็นโรคในช่องปาก..

 

 

 

 

More from my site

แชร์บทความนี้ให้กับเพื่อนๆของคุณด้วยนะคะ^^

Comments

comments