เลือดมีส่วนประกอบที่สำคัญอยู่ 3 ส่วน ซึ่งทำหน้าที่ คือ
- เม็ดเลือดแดง นำอ็อกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกาย
- เม็ดเลือดขาว ป้องกันการติดเชื้อ
- เกล็ดเลือด ป้องกันภาวะเลือดออกง่าย
อาการของผู้มีเกล็ดเลือดต่ำ คือ เลือดออกง่าย , มีจุดเลือดออก , จ้ำเลือด , เลือดกำเดาไหลง่าย และไหลนาน
สาเหตุที่ทำให้เกล็ดเลือดต่ำ
- มีตัวสร้างเกล็ดเลือดน้อย แต่กำเนิด หรือ ทานอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ
- เป็นโรคไขกระดูกฝ่อ , มะเร็งเม็ดเลือดขาว , โรคพุ่มพวง , โรคไข้เลือดออก
- รับประทานยารักษาโรคบางชนิด ยากดภูมิ หรืออยู่ระหว่างการทำเคมีบำบัด
ภาวะความรุนแรงแบ่งได้ตามระดับเกล็ดเลือด
- 140,000 ขึ้นไป ระดับปกติ
- 80,000 -140,000 มีจ้ำเลือดให้เห็น ร่างกายอาจพอรับไหว
- 40,000 -80,000 มีเลือดกำเดาไหล
- ต่ำกว่า 40,000 ไม่มีแรง ซึม พูดจาไม่รู้เรื่อง
ข้อควรระวังสำหรับผู้มีเกล็ดเลือดต่ำ คือ ก่อนทำหัตถการใดๆที่ต้องมีเลือดออก เช่น การผ่าตัด , การถอนฟัน ควรจะไปพบแพทย์เพื่อตรวจเลือดก่อน เพราะ ผู้มีเกล็ดเลือดต่ำจะมีภาวะเลือดหยุดไหลช้า และ แผลหายช้า
วิธีดูแลตนเองสำหรับผู้มีเกล็ดเลือดต่ำ และ การป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเกล็ดเลือดต่ำ
- ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินดีที่ช่วยเรื่องการแข็งตัวของเลือด เช่น ผักใบเขียวทั้งหลาย , ผักคะน้า ผักโขม , นมถั่วเหลือง เป็นต้น
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยออกกำลังที่ลดแรงต้านทานเพื่อป้องกันการกระแทก และ การบาดเจ็บ เช่น ว่ายน้ำ โยคะ เป็นต้น
เมนูอาหารบำรุงเกล็ดเลือด “ ซี่โครงหมูตุ๋นสมุนไพรจีน “
ส่วนประกอบ
- ซี่โครงหมู 1 ถ้วยตวง
- ตังกุย ½ ถ้วยตวง
- ฮ่วยซัว ½ ถ้วยตวง
- เก๋ากี๊ ½ ถ้วยตวง
- น้ำ 4 ถ้วยตวง
วิธีทำ
- นำน้ำสะอาดใส่หม้อ ต้มให้เดือด เมื่อเดือดแล้วใส่ซี่โครงหมูลงไป
- นำตังกุยกับฮ่วยซัว ไปล้างโดยใส่ถ้วยคนๆแล้วเทน้ำทิ้ง 2 รอบ
- เมื่อน้ำเดือดอีกครั้งให้ใส่ตังกุยกับฮ่วยซัวลงไป ผ่อนไฟให้อ่อนๆ และตุ๋นไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง หากต้องการให้ซี่โครงหมูนิ่มมากๆจะตุ๋นต่ออีก 5 – 10 นาทีก็ได้
- นำเก๋ากี๊ใส่ถ้วยเพื่อล้างน้ำแบบเดิม แต่ครั้งเดียวก็พอ เพราะเก๋ากี๊เมื่อโดนน้ำมันจะนิ่มๆเละๆ
- เมื่อครบครึ่งชั่วโมง ให้ใส่เก๋ากี๊ลงไป และตุ๋นต่อประมาณ 1 นาทีก็พอ หาตุ๋นเก๋ากี๊นานเกินไปจะทำให้น้ำซุปออกรสเปรี้ยว
- ใส่ซีอิ๊วปรุงรสตามใจชอบ หรือจะไม่ใส่ก็ได้
การรับประทาน สามารถทานตัวสมุนไพรได้ทั้งหมด ทั้งตังกุย ฮ่วยซัว และเก๋ากี๊ และควรทานให้หมดภายในวันนั้น หรือค้างคืนได้อย่างน้อย 1 คืนหากทำเยอะ เพราะการเก็บไว้นานจะทำให้สรรพคุณของสมุนไพรลดลง
เมนูนี้เหมาะมากสำหรับ ผู้ป่วยที่อยู่ในระหว่างการรับยา ทานยา หรือทำเคมีบำบัด ที่ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย และ เกล็ดเลือดลดต่ำลง