การปัสสาวะเป็นกลไกที่ร่างกายขับของเสียอย่างหนึ่ง ซึ่งสีของปัสสาวะนั้นบางครั้งใส บางครั้งขุ่น หรือมีสีอื่นเจือปน ที่อาจเป็นสัญญานบ่งบอกถึงโรคต่างๆ หรือภาวะที่ร่างกายทำงานบกพร่อง ดังนั้นการสังเกตสีของน้ำปัสสาวะบ่อยๆ จะช่วยให้เมื่อเกิดความผิดปกติ เช่น สีปัสสาวเหลืองขุ่น หรือมีเลือดปนออกมาจะสามารถเข้าพบแพทย์และทำการรักษาได้อย่างรวดเร็ว ส่วนสาเหตุการปัสสาวะเป็นเลือดนั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้
สาเหตุการปัสสาวะเป็นเลือด
1. การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ มักจะเกิดขึ้นเมื่อเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายผ่านทาง
ท่อปัสสาวะและมีความรุนแรงมากขึ้น อาจรวมถึงอาการที่มีการกระตุ้นให้มีการปัสสาวะบ่อยขึ้น และรู้สึกแสบร้อน
ในขณะปัสสาวะ หรือปัสสาวะมีกลิ่นเหม็นบูด สำหรับบางคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุ อาการปัสสาวะเป็นเลือด
อาจเป็นสัญญานของอาการเจ็บป่วยจากโรคอื่นๆ เช่น เบาหวาน
2. การติดเชื้อที่ไต การติดเชื้อที่ไต (pyelonephritis) สามารถเกิดขึ้นเมื่อเชื้อแบคทีเรียอยู่ในกระแสเลือดและ
เข้าสู่ไต การแสดงอาการมักจะคล้ายกับการติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะ แต่อาจมีไข้ และปวดด้านข้างบริเวณเอวร่วมด้วย
3. นิ่วในกระเพาะปัสสาวะหรือนิ่วในไต เกิดจากแร่ธาตุบางชนิดตกตะกอนเป็นผลึกบนผนังของไต หรือกระเพาะ
ปัสสาวะ เมื่อเวลาผ่านไปผลึกจะกลายเป็นก้อนเล็กๆ คล้ายก้อนกรวด โดยทั่วไปเมื่อมีนิ่วในไตหรือในกระเพาะปัสสาวะ
จะไม่แสดงอาหารจนกว่าจะเกิดการอุดตันเกิดขึ้น จึงเป็นสาเหตุให้เกิดอาการปัสสาวะเป็นเลือด
4. ต่อมลูกหมากโต ต่อมลูกหมากจะอยู่บริเวณด้านล่างของกระเพาะปัสสาวะโดยจะอยู่รอบๆส่วนบนของท่อปัสสาวะ
มักจะเกิดขึ้นกับชายวัยกลางคน เมื่อต่อมลูกหมากโตจะทำให้บีบอัดท่อปัสสาวะ หรือปิดกั้นการไหลของปัสสาวะ
อาการของต่อมลูกหมากโต ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะเป็นเลือดซึ่งอาจมองเห็นหรือต้องมองผ่านกล้องจุลทรรน์
5. โรคไต เป็นอีกหนึ่งสาเหตุการปัสสาวะเป็นเลือด และเป็นอาการที่พบบ่อยของโรคไตที่เกิดการอักเสบของระบบ
การกรองไตหรือกรวยไต นอกจากนี้การอักเสบของไตอาจเกิดจากโรคเบาหวาน การติดเชื้อไวรัส โรคเส้นเลือด
ซึ่งมีผลต่อเส้นเลือดฝอยเล็ก ๆ ในระบบกรองไต
6. โรคมะเร็ง อาการเลือดออกในทางเดินปัสสาวะที่สามารถมองเห็นได้อาจเป็นสัญญานของโรคไตขั้นรุนแรง
หรือมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งอาการเลือดออกในทางเดินปัสสาวะที่มีสาเหตุมาจากมะเร็ง
มักจะเป็นอาการที่อยู่ในขั้นแพร่กระจายแล้ว
7. เกิดจากข้อบกพร่องทางพันธุกรรมของฮีโมโกบินในเซลล์เม็ดเลือดแดง
8. การประสบอุบัติเหตุจากการเล่นกีฬา
9. การสลายของเซลล์เม็ดเลือดแดงที่เกิดขึ้นกับการออกกำลังกายแอโรบิกอย่างต่อเนื่อง
10. การทานยาต้านมะเร็ง และยาปฏิชีวนะ ยาละลิ่มเลือด หรือป้องกันเลือดแข็งตัว เป็นเวลานาน