เส้นเลือดในสมองตีบ คือหนึ่งในโรคหลอดเลือดสมองที่พบมากเป็นอันดับต้นๆ เป็นโรคแฝง
ที่มักจะไม่ค่อยแสดงอาการในระยะเริ่มต้น ส่วนใหญ่มักพบในช่วงอายุ 40 ปี และวัยผู้สูงอายุ
และจากรูปแบบการใช้ชีวิตในปัจจุบันทำให้อุบัติการณ์ของการเกิดโรคเส้นเลือดในสมองตีบ
นั้นมีผู้ป่วยรายใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นทุกๆปี
อ้างอิงจาก: www.bangkokhospital.com
ผลกระทบจากเส้นเลือดในสมองตีบ
เส้นเลือดในสมองนั้นมีเส้นเลือดฝอยเล็กๆ มากมายที่กระจายไปเลี้ยงสมอง โดยจะทำการแลกเปลี่ยนอ็อกซิเจน
และกลูโคส หากเส้นเลือดในสมองตีบ อุดตัน หรือเส้นเลือดในสมองแตก จะทำให้สมองในบริเวณนั้นเกิดภาวะ
สมองขาดเลือด ซึ่งจะส่งผลทำให้สมองสูญเสียการทำงาน และอาจจส่งผลกระทบดังต่อไปนี้
– หากได้รับการรักษา 1 ใน 4 ของผู้ป่วยอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
– ครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษาจะทำให้พิการถาวร และส่วนใหญ่มักจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
– ผู้ป่วยที่มีเส้นเลือดในสมองตีบทางด้านซ้ายที่มีอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต ของร่างกายทางด้านขวา มีปัญหาในการพูด
มีแนวโน้มของภาวะซึมเศร้าสูง ทำให้หมดกำลังใจในการฟื้นตัว
สาเหตุของเส้นเลือดในสมองตีบ
– เกิดจากการเสื่อมสภาพตามอายุ ที่ผนังหลอดเลือดมีความหนามากขึ้น
– เกิดจากการอุดตันของชั้นไขมันเข้าไปแทรก หรือมีไขมันเกาะที่ผนังหลอดเลือดทำให้หลอดเลือดตีบแคบลง
ทำให้การไหลเวียนของเลือดแรงขึ้น ซึ่งบางครั้งกระแสเลือดอาจพัดพาไขมันที่เกาะอยู่ที่ผนังหลอดเลือดไปอุดตัน
ที่เส้นเลือดส่วนปลาย
ปัจจัยเสี่ยงโรคเส้นเลือดในสมองตีบ
– การสูบบุหรี่
– มีไขมันในเลือดสูง
– พฤติกรรมการรับประทานอาหารรสหวานจัด และไขมันสูง
การผ่าตัดรักษาโรคเส้นเลือดในสมองตีบมี 2 วิธี คือ
1. การใส่บอลลูนเพื่อถ่างขยายหลอดเลือด และป้องกันไม่ให้หลอดเลือดกลับมาตีบซ้ำ
2. การผ่าตัดเพื่อลอกชั้นไขมันที่เกาะตัวหนาอยู่ที่ผนังหลอดเลือดออกมา
นอกจาการรักษาโดยการผ่าตัดแล้วจะต้องมีการรักษาร่วมกับวิธีอื่นด้วยได้แก่
1. การให้ยาต้านเกล็ดเลือด
2. การรักษาโรคประจำตัวพื้นฐานที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะเส้นเลือดในสมองตีบ
3. การทำกายภาพบำบัด เพื่อเป็นการฟื้นฟูเนื้อสมองที่เกิดความเสียหายรวมถึงการทำงานของระบบประสาท
และยังเป็นการสภาพร่างกายในกรณีที่เป็นอัมพาต
การป้องกันเส้นเลือดในสมองตีบ
เนื่องจากโรคเส้นเลือดในสมองตีบนั้นมักจะไม่แสดงอาการหรือส่งสัญญาณ ดังนั้นการป้องกันที่ดีที่สุดคือการตรวจ
สุขภาพประจำปี เพื่อตรวจหาโรคที่มีความเสี่ยงที่จะนำไปสู่ภาวะเส้นเลือดในสมองตีบมากน้อยเพียงใด และปฏิบัติ
ตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อป้องกัน และหลีกเลี่ยงโรคเส้นเลือดในสมองตีบ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยง ได้แก่
ผู้สูงอายุ คนอ้วน โดยเฉพาะภาวะอ้วนลงพุง ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคความดัน โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอด
เลือดหัวใจ เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น
นอกจากนี้การป้องกันโรคหลอดเลือดในสมองตีบยังรวมถึงการปฏิบัติดังต่อไปนี้
– การปรับอารมณ์ให้อารมณ์ดีอยู่เสมอ ไม่เครียดจนเกินไป
– เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ไขมันต่ำ โดยเฉพาะไขมันสัตว์ที่ควรหลีกเลี่ยง
– การออกกำลังกายเป็นประจำ และพักผ่อนให้เพียงพอ
– การดูแลรักษา และควบคุมโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ให้อยู่ในภาวะ
ปกติ ก็จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงของเส้นเลือดในสมองตีบได้เป็นอย่างมาก
อาการโรคเส้นเลือดในสมองตีบ
– มีอาการปวดหัว มึนหัว
– มุมปากเบี้ยวด้านในด้านหนึ่ง (สมองจะควบคุมการทำงานของฝั่งตรงข้าม เช่น เส้นเลือดในสมองตีบด้านซ้ายจะส่งผล
กระทบต่อร่างกายฝั่งขวา)
– มีปัญหาในการพูด เช่น พูดไม่ชัด พูดลำบาก พูดช้า พูดไม่ออก
– มีภาวะสมองเสื่อม
– ตาพร่ามัวร่วมกับอาการเดินเซ
– ตามองไม่เห็นชั่วขณะ
– อาการอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือมีอาการอ่อนแรง
– อาการชาครึ่งซีก
– ฟังไม่รู้เรื่อง
– หากเส้นเลือดในสมองตีบทางด้านซ้าย จะทำให้มีปัญหาในการพูด หรือพูดไม่ได้เลย เนื่องจากสมองด้านซ้ายจะมี
ศูนย์การพูดซึ่งเป็นพื้นที่เฉพาะของสมอง ทำหน้าที่ควบคุมการพูดอยู่ทางด้านซ้ายของสมองเหนือขมับขึ้นมาเล็กน้อย
ขอบคุณที่มาจาก