อาการปวดหัวบ่อย หรือหน้ามืด อาจเป็นได้ทั้งแบบตาพร่ามัวแล้วมืดวูบดับล้มลงไปเฉยๆ เลย หรืออาจรู้สึกหัวหมุนติ้วไปรอบๆ ก็ได้ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ รวมถึงอาจบ่งบอกว่าเกิดความผิดปกติขึ้นแก่ร่างกายของเรา และสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศวัยโดยเฉพาะผู้ที่ขาดการออกกำลังกายหรือมีร่างกายอ่อนแอ หากร้ายแรงอาการเหล่านี้อาจเป็นความผิดปกติในสมอง หรือจากหูชั้นในที่มีหน้าที่ควบคุมการทรงตัวสูญเสียไป
สาเหตุของอาการปวดหัวบ่อย หน้ามืด
– เกิดจากภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
– เปลี่ยนอิริยาบถรวดเร็วเกินไป
– จากภาวะเจ็บป่วย เช่น เป็นหวัด, ภูมิแพ้ หรือความดันโลหิตต่ำ เป็นต้น
– เกิดจากภาวะร่างกายขาดน้ำจากอาการท้องเสีย หรืออาเจียน
– เกิดจากภาวะเครียดหรือวิตกกังวล
– ผู้ที่ดื่มเหล้า หรือสูบบุหรี่ และติดสารเสพติด
– อยู่ในสถานที่ที่แออัด และร้อนมากๆ
– รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา โดยเฉพาะมื้อเช้า
การป้องกันอาการปวดหัวบ่อย หน้ามืด
– ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารให้ตรงเวลา โดยเฉพาะมื้อเช้าซึ่งเป็นมื้อแรกของวันที่สำคัญ
– รับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่
– ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ
– ดื่มน้ำมากๆ ให้ได้วันละไม่ต่ำกว่า 8 แก้ว
– หางานอดิเรกที่ชอบทำ ไม่คิดฟุ้งซ่าน และพยายามอย่าเครียด
– ขณะเปลี่ยนอิริยาบถต่างๆ ให้ค่อยๆ เปลี่ยน อย่าเปลี่ยนโดยทันทีทันใด
– หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน หรือร้อนจัด
– ควรพกพัด หรือยาดมติดกระเป๋าไว้
– ไปตรวจเช็กร่างกายและระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ
ซึ่งหากเกิดอาการปวดหัวบ่อย และหน้ามืดเป็นลมขึ้น ควรรีบหาที่นั่งลงแล้วหลับตาลงสักครู่พร้อมกับดมยาดม แล้วจึง
ค่อยๆ ลืมตาขึ้น หากตายังพร่ามัวอยู่ให้หลับตาต่ออีกสักพักรอจนอาการดีขึ้นแล้วจึงลุกเดินต่อ และหากเกิดอาการ
เช่นนี้บ่อยๆ ให้รีบไปพบคุณหมอเพื่อทำการรักษาจะดีกว่านะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก
ขอบคุณรูปภาพจาก www.flickr.com