โรคปลายประสาทอักเสบส่วนใหญ่มักพบในผู้ที่ป่วยด้วยโรคเบาหวาน หรือผู้สูงอายุ โดยผู้ป่วยมักจะรู้สึกชาแบบร้อนซู่ๆ หรือปวดบริเวณนิ้วมือหรือนิ้วเท้า โดยเฉพาะช่วงเวลากลางดึกหรือหลังตื่นนอน และต่อมามักจะมีอาการชาแบบหนาๆ คล้ายกับกำลังสวมถุงเท้าอยู่ ส่วนในผู้สูงอายุมักจะมีอาการแขน-ขาอ่อนแรง ร่วมกับอาการปวดหรือชาตามหลังด้วย นอกจากนี้ ในผู้ที่ประสบอุบัติเหตุ หรือได้รับยาและสารพิษบางประเภทก็อาจเกิดโรคปลายประสาทอักเสบขึ้นได้เช่นกันค่ะ
อาการของโรคปลายประสาทอักเสบ
– รู้สึกชาหรือปวดแสบร้อนตามปลายเท้าโดยเฉพาะช่วงกลางดึก
– อาจรู้สึกเหมือนมีเข็มแทงที่เท้าอยู่
– ความรู้สึกไวกว่าปกติ แม้เพียงโดนสัมผัสเบาๆ บริเวณปลายเท้าก็รู้สึกเจ็บหรือปวด
– บริเวณปลายมือหรือเท้าเย็นหรือร้อนแบบผิดปกติ
– ไม่รู้สึกเจ็บหรือปวดขณะเกิดแผลที่บริเวณเท้า
– กล้ามเนื้อแขนและขาเริ่มอ่อนแรง
– หากเกิดแผลขึ้นมักเป็นแบบเรื้อรัง
– เท้าอาจผิดรูปร่างไปจากเดิม
การรักษาโรคปลายประสาทอักเสบ
– ให้เปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ อย่าอยู่ในท่าใดท่าหนึ่่งเป็นเวลานานจนเกินไป
– หากมีโรคประจำตัวอย่างเบาหวาน ควรรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ และพยายามรักษา
ระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
– หากมีอาการรุนแรงจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดรักษา
– ทำการกายภาพบำบัดเพื่อเป็นการฟื้นฟูเซลล์กล้ามเนื้อและเส้นประสาทให้กลับมาเป็นปกติ
ดังนั้น หากอยากห่างไกลจากโรคเหล่านี้ควรหมั่นออกกำลังกายให้ร่างกายสร้างเสริมภูมิต้านทาน ควบคู่กับ
การรับประทานอาหารให้ครบหมู่ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ก็จะช่วยให้ห่างไกลจากโรคต่างๆ ได้แล้วล่ะค่ะ
และหากเกิดอาการโรคปลายประสาทอักเสบขึ้นควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษานะคะ อย่าปล่อยให้โรคเรื้อรังจน
ลุกลามยากเกินจะเยียวยาค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง
>> อาการชาตามแขนขา เสี่ยงปลายประสาทอักเสบ
ขอบคุณข้อมูลจาก
ขอบคุณรูปภาพจาก www.flickr.com