โรคต้อหินเป็นโรคตาที่พบค่อนข้างบ่อยในผู้สูงอายุ แต่คนที่ใช้สายตากับคอมพิวเตอร์มากๆ หรือจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือนานๆ ใช้สายตาในที่มืดบ่อยๆ ก็อาจทำให้เป็นโรคต้อหินได้เช่นกัน
ต้อหิน (Glaucoma) คือ โรคที่เกิดจากเซลล์ประสาทตาถูกทำลายส่งผลให้มีการสูญเสียลานสายตา และเกิดการเปลี่ยนแปลงของขั้วประสาทตา
ทำไมจึงเรียกว่า “ต้อหิน” เพราะส่วนมากโรคต้อหินเกิดจากการมีภาวะความดันลูกตาสูง และถ้ามีความดันลูกตาสูงมากๆ ลูกตาของเราจะแข็งกว่าปกติถ้าใช้นิ้วคลำดูจะรู้สึกเหมือนมีหินอยู่ข้างใน แต่ไม่ได้มีก้อนเนื้อที่คล้ายหินอยู่ในลูกตาจริงๆเหมือนที่ผู้ป่วยหลายคนเข้าใจ
ความดันลูกตาสูงเกิดจากอะไร มักจะเกิดจากความผิดปกติของการระบายของเหลวใสที่ลูกตาผลิตขึ้นมาภายในช่องหน้าของลูกตา เพื่อจะระบายออกไปทางมุมตาเป็นการปรับความดันในลูกตาให้สม่ำเสมอ และคงรูปของลูกตาไว้
ต้อหินมีกี่ประเภท มี 2 ประเภท คือ ต้อหินมุมเปิด และต้อหินมุมปิด
ต้อหินมุมเปิด คือ ต้อหินที่มีมุมตาเปิด แต่ไม่สามารถระบายของเหลวออกจากช่องหน้าลูกตาได้ตามปกติเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านกายภาพและชีวเคมีบางอย่าง เป็นประเภทที่พบได้บ่อยที่สุด มักพบในคนที่มีอายุมากกว่า 40 ปี จะไม่มีอาการผิดปกติหรือสัญญาณเตือนล่วงหน้า แต่เมื่อเป็นมากแล้วจะมีอาการสูญเสียการมองเห็นจากรอบนอกลานสายตา จะมองเห็นเป็นลักษณะเหมือนช่องระบาย และค่อยๆลามเข้ามาตรงกลางจนมืดไปในที่สุด
ต้อหินมุมปิด คือ ต้อหินที่มีมุมตาปิด จากการอุดตันของทางระบายน้ำในลูกตา มี 2 ชนิดคือแบบเรื้อรัง และแบบเฉียบพลัน ซึ่งเป็นแบบที่อันตรายมากที่สุด
ต้อหินมุมปิดแบบเรื้อรัง อาการผู้ป่วยจะไม่ค่อยรู้ตัว การดำเนินโรคจะค่อยเป็นค่อยไป เมื่อมีอาการตามัวลงโรคก็ดำเนินไปมากแล้ว
ต้อหินมุมปิดแบบเฉียบพลัน อันตรายอย่างไร อันตรายมากเพราะความดันในลูกตาจะขึ้นสูงมากในเวลาอันสั้น มีอาการปวดตา หรือปวดกระบอกตา ปวดบริเวณหัวคิ้วอย่างรุนแรง ตาแดง สู้แสงไม่ได้ น้ำตาไหล ตามัวลงทันที การมองเห็นลดลงอย่างมาก มักมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย ต้องรีบไปพบจักษุแพทย์เพื่อวินัจฉัยและรักษาได้ทันท่วงที
ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดต้อหิน
- มีประวัติเป็นต้อหินในครอบครัวโดยเฉพาะพ่อ แม่ พี่น้อง
- อายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป
- เป็นความดันโลหิตสูง เบาหวาน หลอดเลือดเล็กอักเสบเรื้อรัง
- เป็นโรคไมเกรน สายตาผิดปกติเช่นสายตาสั้นมากๆ หรือยาวมากๆ
- ใช้สายตาหนักในการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ / โทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะในที่มือหรือแม้แต่การอ่านหนังสือในที่ๆแสงสว่างไม่เพียงพอ
- เคยได้รับอุบัติเหตุที่กระทบต่อลูกตาโดยตรง
- มีประวัติเสียเลือดมากจนช็อค
- สูบบุหรี่เป็นประจำ
วิธีป้องกันการเกิดต้อหิน
- หากอยู่ในกลุ่มเสี่ยงควรตรวจสายตากับจักษุแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
- เมื่อมีอาการควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์ เพื่อตรวจวินัจฉัย หากเป็นจะได้เข้ารับการรักษาเพื่อหยุดการดำเนินโรค
- ผู้ที่ต้องใช้สายตามากๆควรจะหยุดพักสายตาทุก 1 ชั่วโมง เช่นการมองออกไปไกลๆ
- หลีกเลี่ยงการใช้สายตาในที่ๆแสงสว่างไม่เพียงพอ
การรักษาโรคต้อหิน มี 3 วิธีคือ
- รักษาด้วยยา ส่วนใหญ่เป็นยาหยอดตา บางรายอาจพิจารณาให้ยารับประทานร่วมด้วย
- รักษาด้วยแสงเลเซอร์ เป็นวิธีที่ง่าย ใช้เวลาไม่นาน สามารถรักษาแบบผู้ป่วยนอกได้ ผลการรักษาขึ้นอยู่ กับชนิดของต้อหิน มักใช้ยารักษาควบคู่กันไป
- รักษาด้วยการผ่าตัด มักจะทำเมื่อรักษาด้วยยากับเลเซอร์ไม่ได้ผล ขึ้นอยู่กับชนิดของต้อหิน และความ รุนแรงของโรค รวมทั้งโรคอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น ต้อกระจก เป็นต้น
จะดูแลผู้ป่วยต้อหินอย่างไร
- ถ้าผู้ป่วยสูญเสียลานสายตาไปมาก หรือมีการมองเห็นที่ลดลงมากแล้ว ผู้ดูแลผู้ป่วยควรช่วยฝึกให้ผู้ป่วยใช้ประสาทสัมผัสส่วนอื่นให้มากขึ้น เช่น การคลำ การจัดวางข้าวของในบ้านให้เป็นระเบียบ ฝึกหยิบของตามเข็มนาฬิกา จัดห้องให้มีแสงสว่างเพียงพอ จัดหาของใช้ที่สีสดใส เพื่อลดปัญหาการเกิดอุบัติเหตุจากการมองไม่เห็น
- ควรดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาตามเวลา เพื่อควบคุมระดับความดันลูกตา
- ไปตรวจตามแพทย์นัด และไปพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ
โรคต้อหินเป็นโรคเรื้อรัง การรักษาเพื่อยับยั้งเซลล์ประสาทตาไม่ให้สูญเสียมากไปกว่านี้ ส่วนเซลล์ประสาทที่สูญเสียไปแล้วนั้นไม่สามารถทำให้กลับคืนสภาพเดิมได้ ฉะนั้นเราควรจะดูแลลูกตาไม่ให้ทำงานหนักมากเกินไป และหากมีอาการผิดปกติทางสายตามาก ปวดไมเกรนเรื้อรัง หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรจะเข้ารับการตรวจจากจักษุแพทย์สม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการรุกรามของโรคซึ่งอาจทำให้ตาบอดได้ในที่สุด