โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ มักพบอาการอักเสบ หรือบวมตามบริเวณข้อต่างๆ ได้ทั่วร่างกาย และมักเป็นเรื้อรังนานเกิน 6 สัปดาห์ขึ้นไป โดยโรคนี้เกิดกับผู้หญิงได้มากกว่าผู้ชายถึง 5 เท่า ส่วนสาเหตุที่แท้จริงของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์นั้นยังไม่ทราบแน่ชัด

 

อาการแรกเริ่มของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

• จะมีอาการบวม หรืออักเสบตามข้อ เวลาเรากดลงไปบริเวณนั้นจะรู้สึกเจ็บปวด และทรมานมาก หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่

รักษา นานวันเข้าตามข้อเหล่านี้จะเริ่มฝืดและเคลื่อนไหวลำบาก

• ช่วงเช้าหลังตื่นนอนมักขยับข้อไม่ค่อยได้ เพราะระหว่างที่นอนข้อไม่ได้ขยับจึงทำให้เกิดการล็อกขึ้น

• มีอาการเบื่ออาหาร หรือไข้ขึ้น รวมทั้งปวดเมื่อยเนื้อตัวร่วมด้วย จนกระทั่งข้อต่างๆ เริ่มผิดรูปและพิการในที่สุด

 

วิธีการป้องกันโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

1. ทำกายบริหารตามข้อต่างๆ โดยใช้ฟองน้ำหรือลูกบอลยางมาบีบให้กล้ามเนื้อได้ยืดและคลายตัว

2. ขณะถือของควรใช้มือทั้งสองข้างในการหยิบจับ ไม่ใช้ข้อใดข้อหนึ่งมากจนเกินไป

3. เปลี่ยนก๊อกน้ำภายในบ้านให้เป็นแบบคันโยกแทนแบบหมุนเปิด

4. เปลี่ยนประตูบ้านเป็นแบบบานเลื่อนแทนลูกบิด

5. ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงสามารถสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้ 6. งดดื่มเหล้า หรือสูบบุหรี่

6. แช่มือหรือเท้าในน้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

7. ขยับข้อตามร่างกายบ่อยๆ อย่าหยุดนิ่งอยู่กับที่จนนานเกินไป

8. รับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ และครบ 5 หมู่

9. รับประทานปลาต่างๆ เพราะในปลามีโอเมก้า 3 ช่วยลดการอักเสบได้

10.หลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์ต่างๆ

11. รับประทานถั่วต่างๆ หรือเต้าหู้ และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง

12. รับประทานผักต่างๆ จำพวกผักคะน้า หรือผักโขม เพราะมีสารโฟเลตช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง

13. หาผลไม้ที่มีวิตามซีสูงมาทาน เช่น ส้ม, มะนาว หรือผลไม้ตระกูลเบอร์รีทั้งหลาย

14. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณน้ำตาล, ไขมัน และแป้ง

15. ไม่ทานเนื้อสัตว์ที่ติดมัน หรืออาหารขยะที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง

16. เลือกน้ำมันประกอบอาหารที่มีโอเมก้า 6 อย่างน้ำมันดอกทานตะวัน, น้ำมันจมูกข้าวสาลี หรือน้ำมันถั่วเหลือง เป็นต้น

17. เปลี่ยนจากการทานข้าวขาวมาเป็นข้าวกล้อง หรือข้าวไรซ์เบอรี่แทน

18. ดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ และพักผ่อนให้เพียงพอไปตรวจเช็คสุขภาพเป็นประจำทุก 6 เดือน หรือ 1 ปี

 

แม้ว่าโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์เป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ อาการเป็นๆ หายๆ ขึ้นอยู่กับ

ปัจจัยเสริมที่ร่างกายได้รับ แต่ก็สามารถบรรเทาอาการลงได้หากทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง และปฏิบัติ

ตามคำแนะนำของคุณหมออย่างสม่ำเสมอ

 

ขอบคุณรูปภาพจาก www.splitshire.com

 

Comments

comments