อาการปวดท้องถือเป็นสัญญาณเตือนของร่างกายถึงสุขภาพซึ่งอาจก่อโรคบางอย่างขึ้นภายในร่างกายของเรา ซึ่งหากมีอาการปวดท้องด้านซ้ายก็สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ และทุกครั้งที่เกิดอาการปวดท้องขึ้นเราก็มักจะเจ็บปวดจนตัวบิดทุกครั้งไปเลย ซึ่งมีหลายคนที่ละเลยและไม่ใส่ใจกับอาการปวดท้องเหล่านี้ โดยคิดว่าสามารถหายได้เอง แต่แท้จริงแล้วอาการที่เกิดขึ้นเป็นประจำอาจนำไปสู่โรคร้ายแรงได้นะคะ
สาเหตุของการเกิดอาการปวดท้องด้านซ้าย
– เกิดจากอาการท้องผูก โดยหากเราถ่ายไม่ออกเป็นเวลาหลายวันแล้ว เกิดอาการปวดท้องด้านซ้ายขึ้นก็อาจ
บ่งบอกได้ค่ะว่าเกิดอาการท้องผูกขึ้นแล้ว
– เกิดจากอาการลำไส้อักเสบ ส่วนใหญ่อาการปวดท้องนี้จะเกิดแล้วหายได้เองภายในวันหรือสองวัน โดยอาจ
เกิดจากของเสียที่ตกค้างอยู่ในลำไส้
– เกิดจากปีกมดลูกอักเสบ มักเกิดอาการปวดท้องร่วมกับอาการแน่นท้องน้อย, คลื่นไส้ หรือแสบขัดขณะปัสสาวะ
– หากปวดท้องด้านซ้ายด้านบนก็อาจเกิดจากการอักเสบภายในกระเพาะ, ม้าม, ไต หรือตับ และลำไส้
– หากปวดท้องด้านซ้ายด้านล่างก็อาจเกิดจากการอักเสบของลำไส้ หรือปีกมดลูก
วิธีป้องกันอาการปวดท้องด้านซ้าย
– ให้รับประทานผักและผลไม้มากๆ เพราะในผักและผลไม้นั้นมีกากใยอาหารอยู่มาก ทำให้สามารถขับถ่ายได้ดี
– หากเกิดปวดปัสสาวะให้รีบไปเข้าห้องน้ำทันที อย่ากลั้นปัสสาวะบ่อยๆ
– ให้เลือกรับประทานอาหารแบบเบาๆ ท้อง ที่ย่อยได้ง่าย และไม่ทานอาหารรสจัด
– หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ
– นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอในแต่ละวัน
– ดื่มน้ำเปล่าที่สะอาดให้ได้วันละมากๆ
– ทำจิตใจให้แจ่มใส ไม่เครียดหรือวิตกกังวลในเรื่องต่างๆ มากจนเกินไป
ซึ่งหากเกิดอาการปวดท้องด้านซ้ายขึ้นให้นำกระเป๋าน้ำร้อนมาประคบบริเวณท้องด้านซ้าย และหากไม่หายเป็น
เวลาหลายวัน และรุนแรงขึ้นให้รีบไปพบคุณหมอทำการรักษานะคะ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นานวันเข้าอาจก่อให้เกิดโรค
อื่นๆตามมาได้ค่ะ
ขอบคุณรูปภาพจาก www.flickr.com